หากเราพูดถึงหนึ่งในวัสดุเสริมเติมแต่งให้บ้านดูดี ดูสวย ในสไตล์ที่เราชอบ หนึ่งในนั้นคงต้องมี “พื้นลายไม้” ในลิสต์วัสดุอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดมีวัสดุปูพื้นลายไม้ให้เลือกมากมาย แถมแต่ละชนิดเองก็มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ในการเลือกพื้นลายไม้นอกจากความสวยงามแล้ว คุณสมบัติของการใช้งานก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย เช่น ทนแดด ทนน้ำ ทนความชื้น ทนรอยขีดข่วน ได้หรือไม่
วันนี้ Grit Build จะพาคุณไปรู้จักวัสดุปูพื้นลายไม้ให้มากขึ้น ว่ามามีกี่แบบ กี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร และจะเหมาะกับการใช้งานแบบไหน เราไปดูกันเลย
● กระเบื้องลายไม้
วัสดุที่ทนกับทุกสภาพอากาศ ไว้ใจ “กระเบื้อง” เพราะมีความแข็งแรง ติดตั้งง่าย จนกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กระเบื้องออกมาหลากหลายแบบ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องทำมาจากดินเผา ถ้าไม่มีลาย ไม่มีสี จะเรียกว่ากระเบื้องดินเผา ถ้ามีการเคลือบผิวก็เรียกได้ว่ากระเบื้องเคลือบ
- กระเบื้องพอร์ซเลน กระเบื้องดินเผาที่จาก ดินขาว หรือมีส่วนผสมของหินแกรนิต ซึ่งจะแข็งแรงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป
ข้อดี
- ทำความสะอาดง่าย
- โดนน้ำได้ โดนแดดไม่เป็นไร
- แข็งแรง อายุการใช้งานยาว
- สามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้
- สัมผัสแล้วรู้สึกเย็น
- มีหลายช่วงราคาให้เลือก
จุดด้อย
- เนื้อสัมผัสไม่เหมือนไม้จริง แข็งกว่าเนื้อไม้จริง
- ต้องเว้นขอบยาแนว
- หากใช้บริเวณห้องนอน เวลาตอนกลางคืนหากเปิดเครื่องปรับอากาศ จะรู้สึกเย็นเท้าเวลาเหยียบ
● พื้นไม้ลามิเนต
พื้นไม้ที่นิยมใช้กับพื้นคอนโดมิเนียม หรือพื้นห้องนอน ลามิเนตลายไม้จะผลิตจากการนำไม้มาอัดให้มีความหนาแน่นสูง ทำให้ผิวสัมผัส ลวดลาย คล้ายไม้จริง
ข้อดี
- ราคาถูก
- น้ำหนักเบา ทำให้ติดตั้งได้ง่าย รวดเร็วทันใจ
- มีความทนต่อรอยขีดข่วน แรงกด
- ไม่เก็บฝุ่น และเชื้อโรค
- มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย
จุดด้อย
- ไม่สามารถทนความชื้นได้ หากโดนน้ำตามรอยต่ออาจบวม
- ต้องติดตั้งบนพื้นเรียบเสมอกันเท่านั้น
- ไม่สามารถทำการขัด เพื่อทำสีใหม่ได้
- ไม่สามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้
- หากมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เช่น ร้อนจัด หนาวจัด อาจเกิดการยืดขยายของแผ่นได้
- หากติดตั้งบนพื้นที่ไม่เรียบ อาจมีการยุบตัว หรือมีเสียงเวลาเดิน
● แผ่นยางไวนิลลายไม้
เป็นหนึ่งในวัสดุยอดฮิต ติดท็อปชาร์จวัสดุปูพื้น แผ่นยางไวนิลลายไม้ทำมาจากวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา, โพลียูรีเทน (PU) , พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) เนื่องจากมีความเหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ทำความสะอาดง่าย แต่ไม่มีส่วนผสมของไม้
ข้อดี
- ราคาถูก
- ติดตั้งง่าย มีทั้งแบบทากาว และติดตั้ง ระบบ Click Lock ได้
- ทำความสะอาดง่าย
- มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย
จุดด้อย
- ทนต่อการขูดขีดได้ไม่เยอะเท่ากับ SPC หรือกระเบื้อง
- เมื่อติดตั้งต้องเป็นพื้นที่เสมอกันเท่านั้น
- วัสดุชนิดนี้เหมาะกับปูพื้นภายใน
- อายุการใช้งานสั้น 10-15 ปี
● แผ่นพื้น SPC ลายไม้
กระเบื้อง SPC คุณสมบัติคล้ายกระเบื้องยางไวนิล แต่ผิวสัมผัสจะแข็งกว่า ไม่โค้งงอ แข็งแรงกว่า เนื่องจากผลิตมาจากแคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ผสมพลาสติก PVC
ข้อดี
- ทนทานต่อความชื้น น้ำได้ดี
- ติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้กาวติด เนื่องจากติดตั้งด้วยระบบ ระบบ Click Lock ได้
- ทนความร้อน และไฟได้
- มีความแข็งแรง ทนทาน รับแรงกระแทกได้ดี
- ผิวสัมผัสไม่ลื่น
- ไม่ยืดหดตามสภาพแวดล้อม
จุดด้อย
- เมื่อติดตั้งต้องเป็นพื้นที่เสมอกันเท่านั้น
- วัสดุชนิดนี้เหมาะกับปูพื้นภายใน
- อายุการใช้งาน 15 – 20 ปี
● พื้น Engineered Wood
สามารถใช้แทนไม้จริงได้ โดยเฉพาะในโครงการระดับ High – Luxury Class ความพิเศษของพื้นไม้ชนิดนี้คือมีลักษณะโครงสร้างซ้อนกันหลายๆ ชั้น ซึ่งความถูกหรือแพงอยู่ที่ชนิดไม้ที่มาปิดผิวชั้นบน ซึ่งประกอบด้วย
ชั้นบนสุด : เคลือบผิวหน้าไม้ด้วย UV Acrylic Lacquer เพื่อให้ลายไม้ชัดขึ้น สวยขึ้น และช่วยป้องกันการขีดข่วนได้ระดับหนึ่ง
ชั้นถัดมา : เป็นไม้จริง โดยไม้ที่นิยมกัน เช่น ไม้โอ๊ก, ไม้แดง, ไม้มะค่า, ไม้สัก และ ไม้เมเปิ้ล มาใช้เป็นต้น
ชั้นกลาง : แผ่นไม้เนื้อแข็งสลับกับน้ำกาวเรียงกันไปมา
ชั้นล่างสุด : เป็นชั้นสุดท้าย มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้น
ข้อดี
- พื้นผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง
- ติดตั้งง่าย รวดเร็ว
- ราคาถูกกว่าพื้นไม้จริง
- แผ่นไม้ทนต่อการบิดงอได้สูง
จุดด้อย
- ราคาสูงกว่าพื้นไม้เทียมชนิดอื่นๆ ในท้องตลาด
- ใช้ปูพื้นเฉพาะภายในเท่านั้น
- ไม่ทนน้ำ และความชื้น
- หากเกิดรอยขีดข่วน จะไม่สามารถทำการขัดหน้าเพื่อทำสีใหม่ได้
● พื้น Hybrid Engineered Wood
พื้นไม้ชนิดนี้ ไม่ได้เป็นผิวไม้จริง 100% แต่จะเป็น การผสมของผงไม้ และพลาสติกเข้าไปด้วย ซึ่งทำมาเพื่อกลบจุดด้อย Engineered Wood ในด้านต่างๆ รวมถึงราคาที่ถูกลง
ชั้นบนสุด : เคลือบผิวหน้าไม้ด้วย Hydro – Seal เพื่อป้องกันการบวมน้ำ และเคลือบด้วยสาร Scratch Guard เพื่อป้องกันการขีดข่วน
ชั้นถัดมา : เป็นวัสดุที่เกิดจากการผสมของผงไม้ และพลาสติก ขึ้นรูปเป็นลายไม้
ชั้นกลาง : วัสดุที่ใช้เป็นแผ่นไม้
ชั้นล่างสุด : เป็นชั้นสุดท้าย มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้น
ข้อดี
- ติดตั้งง่าย
- กันน้ำได้ดี
- สามารถป้องกันขีดข่วนได้ดี
- ลดแรงกระแทกได้
จุดด้อย
- ใช้ปูพื้นเฉพาะภายในเท่านั้น
- ทนความชื้นและแสงแดดได้ไม่ดีนัก
- ราคายังสูงกว่าพื้นไม้ชนิด
● พื้นไม้จริง
วัสดุปูพื้นที่ใกล้ชิด และอยู่คู่คนไทยมานาน เพราะให้ความรู้สึกธรรมชาติกว่า พื้นผิวสัมผัสให้รู้สึกอบอุ่น และมีความแข็งแรง แต่ปัจจุบันราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากหายากขึ้น สำหรับไม้ที่นิยมนำมาปูพื้น คือไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ และไม้เนื้ออ่อนที่ปลวกไม่ชอบ เช่น ไม้สัก เป็นต้น
ข้อดี
- ผิวสัมผัสดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น
- ลวดลายมีเอกลักษณ์ สวยงาม ไม่จำเจ
- มีความแข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานนาน
- สามารถขัดผิวได้หลายครั้ง แบบไร้กังวล
จุดด้อย
- ราคาค่อนข้างสูง
- ไม่ทนแต่ความชื้น น้ำ ปลวก และไฟ
- สามารถยืด หด ตามสภาพอากาศได้
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เรานำมาเสนอในบทความนี้ครับ ต่อไปเวลาเลือกวัสดุปูพื้นบ้าน เราก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แถมยังเลือกได้ตรงกับการใช้งานอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาบริษัทสร้างบ้านที่มีคุณภาพ มากประสบการณ์ Grit Build (กริท บิลด์) บริษัทรับสร้างบ้านกรุงเทพ และปริมณฑล ยินดีให้บริการ ด้วยทีมให้คำปรึกษามากประสบการณ์ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ คอยดูแลการสร้างบ้านของคุณให้มีคุณภาพอย่างแน่นอน