Categories
ข่าวสาร

เรื่องน่ารู้ก่อนเริ่มปลูกบ้าน เมื่อต้องลงเสาเอกก่อนสร้าง

การตั้งเสาเอก หนึ่งในความเชื่อที่ว่า บ้านไหนตั้งเสาเอกอย่างถูกต้องถูกวิธี  จะมีเทพเทวดาค่อยปกปักรักษา ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้อง เพื่อความสบายใจ และเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับผู้อยู่อาศัย วันนี้ Grit Build บริษัทรับสร้างบ้าน ได้รวบรวมข้อมูลให้กับทุกคน รับรองว่าครบเครื่อง เรื่องเสาเอก แน่นอน!

1. เสาเอก

เสาเอก คือ เสาที่สำคัญที่สุดของบ้าน เพราะจะค่อยแบกรับน้ำหนักของตัวบ้าน หรืออาคารไว้  และเป็นเสาต้นแรกที่ยกขึ้นก่อนเสาอื่นในการปลูกอาคารบ้านเรือนตามพิธีฤกษ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของบ้านอีกด้วย

2. ฤกษ์การตั้งเสาเอก

สำหรับการตั้งเสาเอกที่ใช้กันจะนิยมปลูกสร้างบ้านในช่วงเดือน 1 (เดือนอ้าย), เดือน 2 (เดือนยี่), เดือน 4, เดือน 5, เดือน 9 และเดือน 12 ของแต่ละปี โดยใช้การนับเดือนแบบไทยตามหลักจันทรคติ โดยปรึกษากับทางพระผู้ใหญ่ พราหมณ์ โหร หรือหมอดูเพื่อความสบายใจของเจ้าของบ้านได้ เมื่อได้เดือนแล้ว ก็ต้องเลือกวันธงชัยในเดือนนั้นๆ ตามที่ปฏิทินกำหนด แต่เพื่อความชัวร์เจ้าของบ้านสามารถปรึกษากับผู้รู้ในด้านนี้ให้ช่วยตรวจสอบได้

3. ของมงคลที่ใช้

เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี ต่อไปต้องจัดเตรียมของมงคลเพื่อใช้ในการทำพิธีซึ่งประกอบไปด้วย 

  • โต๊ะหมู่บูชาที่จัดไว้เรียบร้อย 1 ชุด 
  • เครื่องสักการะต่าง ๆ (ถ้าต้องการให้มี)
  • ชุดจตุปัจจัยไทยธรรมสำหรับถวายพระ (กรณีที่นิมนต์พระสงฆ์มาพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับหลุมเสาเอก พร้อมสวดเจริญชัยมงคลคาถา)
  • สายสิญจน์ 1 ม้วนขนาดเล็ก
  • ผ้า 3 สี 
  • เครื่องสำหรับบูชาฤกษ์หรือเครื่องสังเวยเทวดา (จะใช้เครื่องชุดเต็มหรือแบบย่อส่วนอยู่ที่ความพึงพอใจและงบประมาณ) 
  • แผ่นนาก ทอง เงิน ชุดละ 1 แผ่น
  • ทองคำเปลว 3 แผ่น
  • ข้าวตอกดอกไม้ 1 ชุด
  • เหรียญเงินและทอง ชนิดละ 9 เหรียญ
  • น้ำมนต์ 1 ขัน มาพร้อมหญ้าคา 1 กำ
  • หน่ออ้อยและกล้วย ชนิดละ 1 หน่อ
  • ทรายเสก 1 ขัน
  • แป้งหอมตามเหมาะสม
4. ไม้มงคล 9 อย่าง

ไม้มงคล 9 ชนิดที่ใช้ พร้อมความหมายดีๆ ว่าจะมีชนิดไหนบ้างเราไปดูกันเลย

ชนิดที่ 1 ไม้ราชพฤกษ์ : ความเป็นใหญ่อำนาจวาสนา ความก้าวหน้ายิ่งใหญ่ 

ชนิดที่ 2 ไม้ขนุน : มีคนคอยให้ความเกื้อหนุน ทำสิ่งใดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี 

ชนิดที่ 3 ไม้ชัยพฤกษ์ : การมีโชคชัย ชัยชนะ ทำดีมีโชคแห่งความสำเร็จ

ชนิดที่ 4 ไม้ทองหลาง :  มีเงินมีทองสมบูรณ์พูนสุข

ชนิดที่ 5 ไม้ไผ่สีสุก : ความร่มเย็น เป็นสุขแก่ผู้ที่อาศัยภายในบ้าน

ชนิดที่ 6 ไม้ทรงบาดาล : ความมั่นคง แข็งแรง แม้จะเจออุปสรรคก็สามารถผ่านไปได้ 

ชนิดที่ 7 ไม้สัก : การมีศักดิ์ มีศรี มีผู้คนยกย่องให้เกียรติ

ชนิดที่ 8 ไม้พะยูง : ช่วยพยุงค้ำจุนให้ทุกคนในบ้านมีฐานะดี

ชนิดที่ 9 ไม้กันเกรา : ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ที่จะเข้ามาในบ้าน เสริมความมั่นคงให้กับครอบครัว

5. ใบไม้มงคล

นอกจากไม้มงคลที่ต้องจัดเตรียมแล้ว ใบไม้มงคลก็ต้องเตรียมด้วยเช่นกัน โดยใบไม้ที่ใช้ประกอบด้วย 

  • ใบทอง ใบเงิน ใบนาก : เสริมทรัพย์ เสริมเงินทอง ให้แก่ผู้พักอาศัย
  • ใบทับทิม : ขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้แก่ผู้พักอาศัย
  • ใบพลู : มียศถาบรรดาศักดิ์ยิ่งขึ้นไป
  • ใบมะรุม : มีคนเข้ามานิยมชมชอบ
  • ใบมะขาม : ให้คนเกรงขามเคารพนับถือ
  • ใบยอ : ให้คนสรรเสริญ เยินยอ 
  • ใบมะยม : ให้คนนิยมชมชอบ แคล้วคลาดจากศัตรู 
  • ใบโกศล : ความอุดมสมบูรณ์ เสริมบารมี
  • ใบวาสนา : เสริมวาสนาให้สูงส่งยิ่งขึ้น
  • ใบโมก : ปกป้องรักษา มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
  • ใบชวนชม : เสริมความร่ำรวย มั่งมีเงินทอง
6. พิธีตั้งเสาเอก

ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ นั้นก็คือพิธีตั้งเสาเอก เราได้รวบรวมวิธีต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของบ้านไม่จำเป็นต้องทำตามทุกขั้นตอน ซึ่งขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าของบ้าน โดยเน้นที่จุดสำคัญของพิธีก็ได้เช่นเดียวกัน

กรณีไม่ได้มีพราหมณ์ หรือพระมาในพิธี ให้เชิญญาติผู้ใหญ่ที่นับถือมาเป็นผู้ช่วยทำพิธีให้ หากไม่มีใครสะดวก เจ้าของบ้านสามารถแทนได้ (ทางบริษัทมีคาถาและขั้นตอนในการกระกอบพิธีไว้เบื้องต้น) โดยผู้พักอาศัยทุกคนต้องมาพร้อมหน้ากัน โดยตั้งโต๊ะหมู่บูชาวางสายสิญจน์ไปจนถึงเสาเอก หลังจากนั้นจุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา สวดอธิษฐานขอพรให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา

กรณีมีพระสงฆ์มาร่วมพิธีให้กราบนิมนต์ท่านพรมน้ำมนต์ และทำการเจิม ปิดทองเสาเอกที่ได้ทำการผูกสิ่งต่างๆ เอาไว้ในตอนแรก เพื่อเป็นสิริมงคล อยู่เย็นเป็นสุข

7. เสริมบ้านให้มงคล ตามปีที่ปลูกบ้าน
  • สร้างบ้าน ปีชวด ให้ใช้ไม้ราชพฤกษ์ปักเสามุมแรก ก่อนยกเสาให้โปรยดอกไม้ 3 สี ได้แก่ ดอกกุหลาบ ดอกรัก ดอกพุทธ และใช้กล้วยในการทำพิธี จะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน 
  • สร้างบ้าน ปีฉลู ให้ยกเสาเอกโดยใช้กล้วยและผ้าขาวพันเสาเอก เอากิ่งมะตูม 3 กิ่ง ปักที่เสาเอก บวงสรวงด้วยขนมฝอยทอง และขนมลูกตาล จะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน 
  • สร้างบ้าน ปีขาล ยกเสาเอกให้เอาน้ำต้มสุก น้ำ 3 ขัน ขันเงิน ขันทอง ขันนาก รดลงไปตรงเสา และโปรยดอกไม้ 3 สี ได้แก่ ดอกดาวเรือง ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย จะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ร่ำรวยเงินทอง 
  • สร้างบ้าน ปีเถาะ ยกเสาเอกใช้ใบตะเคียน ใบเฉียง ใบพร้าหอม ต้นกล้วย 1 ต้นห่อปลายเสา แล้วบวงสรวงด้วย หมูย่าง และปลายำ ในการทำพิธี จะทำให้รุ่งเรือง 
  • สร้างบ้าน ปีมะโรง ใช้กำยานกับใบมะกรูดพันบริเวณยอดเสา เมื่อยกเสาแล้วให้โปรยดอกไม้มงคล ได้แก่ ดอกรัก ดาวเรือง บัว กุหลาบ บานไม่รู้โรย พุด และมะลิ จะทำให้สิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน 
  • สร้างบ้าน ปีมะเส็ง ใช้ใบสิงห์ผูกปลายเสา พร้อมข้าว 3 กระทง บูชาด้วยธูปเทียน บูชาด้วยดอกกุหลาบ พวงมาลัย มะลิสด ดอกรัก น้ำเย็น 6 ขัน และพูดว่า มั่ง มี ศรี สุข แล้วจึงยกเสาเอก จะทำให้รุ่งเรือง มีเงินทองเพิ่มพูน 
  • สร้างบ้าน ปีมะเมีย นำใบขี้เหล็กเป่าตั้งแต่ปลายถึงโคนเสา 3 รอบ เอาน้ำรดปลายเสา และบวงสรวง กล้วย มะพร้าว ส้ม แล้วลงเสาเอก จะได้อยู่ภายในบ้านอย่างร่มเย็นเป็นสุข
  • สร้างบ้าน ปีมะแม ใช้ใบเงิน หมากผู้ หมากเมีย อย่างละ 3 ใบ มาพร้อมใบกล้วย ใบอ้อย ให้ใส่ทุกอย่างลงหลุม เมื่อยกเสาเอกขึ้นให้ใช้ มะพร้าว และอ้อย ในการทำพิธี แล้วสิ่งดีๆ เข้าสู่ชีวิต
  • สร้างบ้าน ปีวอก ใช้เทียน 3 แท่งแปะทองคำเปลว ผูกด้านข้างเสาเอกตามแนวนอน ใบเงิน ทอง นาก หย่อนลงหลุม และขึ้นเสาเอกได้เลย จะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง มั่งมี ศรีสุข ตลอดไป
  • สร้างบ้าน ปีระกา ข้าวตอกใส่ในใบบัว แล้วหย่อนลงใส่ไว้ในหลุมเสาเอก และเสารอง หรือใส่ให้ครบ 4 ทิศ และบวงสรวงด้วย ข้าว แกง แอปเปิล ดอกบัวหลวงขอพร จะทำให้มั่งมีศรีสุข
  • สร้างบ้าน ปีจอ ข้าวตอกใส่ในใบบัว แล้วหย่อนลงใส่ไว้ในหลุมเสาเอก และเสารอง หรือใส่ให้ครบ 4 ทิศ และบวงสรวงด้วยดอกบัวหลวงขอพร จะมีคนอุปถัมภ์
  • สร้างบ้าน ปีกุน ยกเสาเอก นำดอกชบา และดอกบัว อย่างละ 1 ดอก ใส่หลุมเสาเอก จากนั้นพอถึงเวลา 09.09 น. ให้ทำการลงเสาเอก ช่วยสร้างความเจริญกับชีวิต

Grit Build (กริท บิลด์) เราดูแลในทุกขั้นตอนตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนส่งมอบบ้าน พร้อมทีมให้คำปรึกษามากประสบการณ์ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ รับรองคุณจะได้บ้านที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน 

Categories
ข่าวสาร

ก่อนถมดินสร้างบ้าน ต้องรู้อะไรบ้าง?

การถมดิน ถือเป็นขั้นตอนแรกๆ ของการสร้างบ้าน ลองคิดตามดูว่า หากขั้นตอนแรกไม่มั่นคง ก็จะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อไป อย่างการทรุดตัวของดิน เพราะฉะนั้นการถมดิน ไม่ได้รู้แค่ว่าต้องถมสูงเท่าไร แต่ยังมีส่วนอื่นที่เราต้องรู้อีกมากมาย วันนี้ Grit Build บริษัทรับสร้างบ้าน ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกคนได้อ่านกัน!

ปัจจัยที่ต้องถมดิน
  1. ลักษณะของพื้นที่ที่ถม ต้องสำรวจพื้นที่ และต้องคำนวณว่าต้องถมสูงขนาดไหน โดยสอบถามผู้พักอาศัยบริเวณนั้นว่า มีน้ำท่วมขังหรือไม่ น้ำระบายช้าหรือเร็ว ซึ่งปัจจัยนี้จะส่งผลให้ดินอ่อนตัวลง ซึ่งการถมดินจะต้องอัดแน่นกว่าเดิม หรืออีกวิธีคือการสังเกตพืชที่ขึ้นหากมีต้นกก ต้นอ้อ หรือธูปฤๅษี แสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีความชื้นแฉะสูง หากมีต้นกระถิน หรือมะขามเทศ แสดงว่าดินบริเวณนั้นมีความแห้ง
  2. ระดับความสูงของพื้นที่ใช้ถม ความสูงของการถมดินโดยทั่วไปแล้ว จะถมสูงกว่าถนน 50-80 ซ.ม. แต่สำหรับบางที่อาจต้องถมเผื่อพื้นดินยุบตัว โดยอาจถมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งระดับน้ำที่ท่วม พื้นถนนเมื่อเทียบกับพื้นบ้าน
  3. พื้นที่ถมควรทิ้งไว้นานแค่ไหน ทิ้งระยะเวลาไว้ประมาณ 3-12 เดือน เพื่อให้ดินที่ถมเซทตัวตามธรรมชาติ เนื่องจากยิ่งถมสูงดินยิ่งมีโอกาสยุบตัว แต่ก็สามารถย่นเวลาลงได้โดยการใช้รถบดอัดดินช่วย
  4. การถมในช่วงระหว่างงานก่อสร้างก็สามารถทำได้ โดยจะแบ่งเป็นการถมหลังจากการขุดทำฐานราก และ ถมหลังการก่อสร้าง โดยการถมแบบนี้จะได้ทำให้สามารถกะปริมาณดินที่ใช้ได้พอเหมาะ เนื่องจากจะมีดินจากการขุดฐานรากขึ้นมาบางส่วน และ ถมหน้าดินหลังการก่อสร้างเสร็จจะได้ดินที่ดีพร้อมสำหรับการปลูกต้นไม้
ลักษณะของดินที่ใช้ถม ต้องเป็นดินชนิดไหน
  • ดินดาน หรือซีแล็ค : เป็นดินที่มีลักษณะแห้ง เหมาะสำหรับใช้ถมทำพื้นถนน หรือที่ดินปลูกสร้างริมน้ำ
  • ดินทราย : ดินที่เป็นที่นิยมในการถมที่ เนื่องจากราคาถูก ต้นทุนต่ำ แต่ดินประเภทนี้จำเป็นต้องอัดแน่นทุกครั้ง เนื่องจากดินทรายกัดกร่อนได้ง่าย และไม่อุ้มน้ำ หากไม่ทำการอัดแน่น ก็จะเป็นสาเหตุของการทรุดตัว 
  • ดินลูกรัง : เป็นดินที่ค่อนข้างแข็ง ยิ่งแห้งยิ่งแข็งเหมาะสำหรับใช้ทำถนนคอนกรีต เพราะบดอัดแน่นได้ดี อีกประการหนึ่ง ดินชนิดนี้จะแห้ง และไม่เหมาะต่อการปลูกพืชพรรณต่างๆ 
  • ดินเหนียว : เป็นดินที่เนื้อค่อนข้างละเอียด สามารถอุ้มน้ำได้ดี และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกรุงเทพ และปริมณฑล
  • ดินประเภทหน้าดิน : จากชื่อก็แน่นอนอยู่แล้ว เป็นดินที่อยู่พื้นผิวบนสุด เป็นดินที่เหมาะต่อการปลูกต้นไม้ เนื่องจากมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อพืช ดังนั้นราคาจึงค่อนข้างสูง

ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่า ปัจจัยที่ต้องถมดิน หรือจะประเภทดินที่ใช้ถม เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาดินยุบ  สามารถสร้างบ้าน ได้อย่างสบายใจ หรือเลือกบริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพดี ที่เป็นเพื่อนคู่คิด อยู่เคียงข้างคุณ เป็นที่ปรึกษาคุณตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนส่งมอบบ้าน เพราะฉะนั้นคิดจะสร้างบ้าน เลือก Grit Build (กริท บิลด์) เรามีทีมให้คำปรึกษามากประสบการณ์ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ รับรองคุณจะได้บ้านที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน 

Categories
ข่าวสาร

มารู้จักวัสดุ “ปูพื้นบ้านลายไม้” มีกี่แบบ เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?

หากเราพูดถึงหนึ่งในวัสดุเสริมเติมแต่งให้บ้านดูดี ดูสวย ในสไตล์ที่เราชอบ หนึ่งในนั้นคงต้องมี “พื้นลายไม้” ในลิสต์วัสดุอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันในท้องตลาดมีวัสดุปูพื้นลายไม้ให้เลือกมากมาย แถมแต่ละชนิดเองก็มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ในการเลือกพื้นลายไม้นอกจากความสวยงามแล้ว คุณสมบัติของการใช้งานก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย เช่น ทนแดด ทนน้ำ ทนความชื้น ทนรอยขีดข่วน ได้หรือไม่

วันนี้ Grit Build จะพาคุณไปรู้จักวัสดุปูพื้นลายไม้ให้มากขึ้น ว่ามามีกี่แบบ กี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร และจะเหมาะกับการใช้งานแบบไหน เราไปดูกันเลย

● กระเบื้องลายไม้

วัสดุที่ทนกับทุกสภาพอากาศ ไว้ใจ “กระเบื้อง” เพราะมีความแข็งแรง ติดตั้งง่าย จนกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย  โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กระเบื้องออกมาหลากหลายแบบ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

  • กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องทำมาจากดินเผา ถ้าไม่มีลาย ไม่มีสี จะเรียกว่ากระเบื้องดินเผา ถ้ามีการเคลือบผิวก็เรียกได้ว่ากระเบื้องเคลือบ
  • กระเบื้องพอร์ซเลน กระเบื้องดินเผาที่จาก ดินขาว หรือมีส่วนผสมของหินแกรนิต ซึ่งจะแข็งแรงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป

ข้อดี

  • ทำความสะอาดง่าย
  • โดนน้ำได้ โดนแดดไม่เป็นไร
  • แข็งแรง อายุการใช้งานยาว
  • สามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้
  • สัมผัสแล้วรู้สึกเย็น
  • มีหลายช่วงราคาให้เลือก

จุดด้อย

  • เนื้อสัมผัสไม่เหมือนไม้จริง แข็งกว่าเนื้อไม้จริง
  • ต้องเว้นขอบยาแนว
  • หากใช้บริเวณห้องนอน เวลาตอนกลางคืนหากเปิดเครื่องปรับอากาศ จะรู้สึกเย็นเท้าเวลาเหยียบ
● พื้นไม้ลามิเนต

พื้นไม้ที่นิยมใช้กับพื้นคอนโดมิเนียม หรือพื้นห้องนอน ลามิเนตลายไม้จะผลิตจากการนำไม้มาอัดให้มีความหนาแน่นสูง ทำให้ผิวสัมผัส ลวดลาย คล้ายไม้จริง

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • น้ำหนักเบา ทำให้ติดตั้งได้ง่าย รวดเร็วทันใจ
  • มีความทนต่อรอยขีดข่วน แรงกด
  • ไม่เก็บฝุ่น และเชื้อโรค
  • มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย

จุดด้อย

  • ไม่สามารถทนความชื้นได้ หากโดนน้ำตามรอยต่ออาจบวม
  • ต้องติดตั้งบนพื้นเรียบเสมอกันเท่านั้น
  • ไม่สามารถทำการขัด เพื่อทำสีใหม่ได้
  • ไม่สามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้
  • หากมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เช่น ร้อนจัด หนาวจัด อาจเกิดการยืดขยายของแผ่นได้
  • หากติดตั้งบนพื้นที่ไม่เรียบ อาจมีการยุบตัว หรือมีเสียงเวลาเดิน
● แผ่นยางไวนิลลายไม้

เป็นหนึ่งในวัสดุยอดฮิต ติดท็อปชาร์จวัสดุปูพื้น แผ่นยางไวนิลลายไม้ทำมาจากวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา,  โพลียูรีเทน (PU) , พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) เนื่องจากมีความเหนียว ยืดหยุ่นได้ดี ทำความสะอาดง่าย แต่ไม่มีส่วนผสมของไม้

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • ติดตั้งง่าย มีทั้งแบบทากาว และติดตั้ง ระบบ Click Lock ได้
  • ทำความสะอาดง่าย
  • มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย

จุดด้อย

  • ทนต่อการขูดขีดได้ไม่เยอะเท่ากับ SPC หรือกระเบื้อง
  • เมื่อติดตั้งต้องเป็นพื้นที่เสมอกันเท่านั้น
  • วัสดุชนิดนี้เหมาะกับปูพื้นภายใน
  • อายุการใช้งานสั้น 10-15 ปี
● แผ่นพื้น SPC ลายไม้

กระเบื้อง SPC คุณสมบัติคล้ายกระเบื้องยางไวนิล แต่ผิวสัมผัสจะแข็งกว่า ไม่โค้งงอ แข็งแรงกว่า เนื่องจากผลิตมาจากแคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ผสมพลาสติก PVC

ข้อดี

  • ทนทานต่อความชื้น น้ำได้ดี
  • ติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้กาวติด เนื่องจากติดตั้งด้วยระบบ ระบบ Click Lock ได้
  • ทนความร้อน และไฟได้
  • มีความแข็งแรง ทนทาน รับแรงกระแทกได้ดี
  • ผิวสัมผัสไม่ลื่น
  • ไม่ยืดหดตามสภาพแวดล้อม

จุดด้อย

  • เมื่อติดตั้งต้องเป็นพื้นที่เสมอกันเท่านั้น
  • วัสดุชนิดนี้เหมาะกับปูพื้นภายใน
  • อายุการใช้งาน 15 – 20 ปี
● พื้น Engineered Wood

สามารถใช้แทนไม้จริงได้ โดยเฉพาะในโครงการระดับ High – Luxury Class ความพิเศษของพื้นไม้ชนิดนี้คือมีลักษณะโครงสร้างซ้อนกันหลายๆ ชั้น ซึ่งความถูกหรือแพงอยู่ที่ชนิดไม้ที่มาปิดผิวชั้นบน ซึ่งประกอบด้วย

ชั้นบนสุด : เคลือบผิวหน้าไม้ด้วย UV Acrylic Lacquer เพื่อให้ลายไม้ชัดขึ้น สวยขึ้น และช่วยป้องกันการขีดข่วนได้ระดับหนึ่ง

ชั้นถัดมา : เป็นไม้จริง โดยไม้ที่นิยมกัน เช่น ไม้โอ๊ก, ไม้แดง, ไม้มะค่า, ไม้สัก และ ไม้เมเปิ้ล มาใช้เป็นต้น

ชั้นกลาง : แผ่นไม้เนื้อแข็งสลับกับน้ำกาวเรียงกันไปมา

ชั้นล่างสุด : เป็นชั้นสุดท้าย มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้น

ข้อดี

  • พื้นผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง
  • ติดตั้งง่าย รวดเร็ว
  • ราคาถูกกว่าพื้นไม้จริง
  • แผ่นไม้ทนต่อการบิดงอได้สูง

จุดด้อย

  • ราคาสูงกว่าพื้นไม้เทียมชนิดอื่นๆ ในท้องตลาด
  • ใช้ปูพื้นเฉพาะภายในเท่านั้น
  • ไม่ทนน้ำ และความชื้น
  • หากเกิดรอยขีดข่วน จะไม่สามารถทำการขัดหน้าเพื่อทำสีใหม่ได้
● พื้น Hybrid Engineered Wood

พื้นไม้ชนิดนี้ ไม่ได้เป็นผิวไม้จริง 100% แต่จะเป็น การผสมของผงไม้ และพลาสติกเข้าไปด้วย ซึ่งทำมาเพื่อกลบจุดด้อย Engineered Wood ในด้านต่างๆ รวมถึงราคาที่ถูกลง

ชั้นบนสุด : เคลือบผิวหน้าไม้ด้วย Hydro – Seal เพื่อป้องกันการบวมน้ำ และเคลือบด้วยสาร Scratch Guard เพื่อป้องกันการขีดข่วน

ชั้นถัดมา : เป็นวัสดุที่เกิดจากการผสมของผงไม้ และพลาสติก ขึ้นรูปเป็นลายไม้

ชั้นกลาง : วัสดุที่ใช้เป็นแผ่นไม้

ชั้นล่างสุด : เป็นชั้นสุดท้าย มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้น

ข้อดี

  • ติดตั้งง่าย
  • กันน้ำได้ดี
  • สามารถป้องกันขีดข่วนได้ดี
  • ลดแรงกระแทกได้

จุดด้อย

  • ใช้ปูพื้นเฉพาะภายในเท่านั้น
  • ทนความชื้นและแสงแดดได้ไม่ดีนัก
  • ราคายังสูงกว่าพื้นไม้ชนิด
● พื้นไม้จริง

วัสดุปูพื้นที่ใกล้ชิด และอยู่คู่คนไทยมานาน เพราะให้ความรู้สึกธรรมชาติกว่า พื้นผิวสัมผัสให้รู้สึกอบอุ่น และมีความแข็งแรง แต่ปัจจุบันราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากหายากขึ้น สำหรับไม้ที่นิยมนำมาปูพื้น คือไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ และไม้เนื้ออ่อนที่ปลวกไม่ชอบ เช่น ไม้สัก เป็นต้น

ข้อดี

  • ผิวสัมผัสดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น
  • ลวดลายมีเอกลักษณ์ สวยงาม ไม่จำเจ
  • มีความแข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานนาน
  • สามารถขัดผิวได้หลายครั้ง แบบไร้กังวล

จุดด้อย

  • ราคาค่อนข้างสูง
  • ไม่ทนแต่ความชื้น น้ำ ปลวก และไฟ
  • สามารถยืด หด ตามสภาพอากาศได้

 เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เรานำมาเสนอในบทความนี้ครับ ต่อไปเวลาเลือกวัสดุปูพื้นบ้าน เราก็จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แถมยังเลือกได้ตรงกับการใช้งานอีกด้วย 

หากคุณกำลังมองหาบริษัทสร้างบ้านที่มีคุณภาพ มากประสบการณ์ Grit Build (กริท บิลด์) บริษัทรับสร้างบ้านกรุงเทพ และปริมณฑล ยินดีให้บริการ ด้วยทีมให้คำปรึกษามากประสบการณ์ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ คอยดูแลการสร้างบ้านของคุณให้มีคุณภาพอย่างแน่นอน

Categories
ข่าวสาร

หน้าฝน บ้านรั่วซึม ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

ใครมีบ้าน ช่วงนี้ระวังหน่อย เห็นฝนตกอยู่บ่อยๆ ระวังน้ำรั่วซึมเข้าบ้าน !! ปัญหาที่หลายบ้านพบเจอ ปัญหานี้ไม่ได้ทิ้งแค่ความเปียก สกปรก ไว้เท่านั้น! แต่ยังอาจส่งผลให้ฝ้าชื้น ผุพัง ในกรณีที่รั่วมากอาจทำให้เกิดฝ้าถล่มก็เป็นได้หรือทำให้บ้านสะสมความชื้นจนเป็นต้นตอหลักให้บ้านเกิดเชื้อรา และตะไคร่อีกด้วย ยิ่งในระยะยาวก็ทำให้เกิดสีพอง หลุดลอก หรืออาจส่งผลให้ เหล็กเสริมในคอนกรีตเป็นสนิม ส่งผลเสียกับโครงสร้างของตัวบ้านได้

การรั่วซึมเข้าบ้านมีหลายสาเหตุ ทั้งกระเบื้องมุงหลังคามีการแตกร้าว รอยต่อของหลังคาที่เกิดจากการติดตั้งที่ไม่มีมาตรฐาน หรือตามรอยต่อระหว่างผนัง และเสา คาน พื้น เป็นต้น

แต่จุดที่มักเจอรอยรั่วซึมอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ บริเวณผนัง วงกบประตู-หน้าต่าง เนื่องจากรอยร้าวบนผนัง รอยร้าวบริเวณวงกบ หรือรอยร้าวที่เกิดจากการเจาะผนังเพื่อติดตั้งกันสาด ระแนง บัวปูนปั้น ซึ่งส่งผลให้บริเวณดังกล่าวเกิดการรั่วซึมได้

การแก้ปัญหาน้ำรั่วซึม

กรณี รั่วซึมบริเวณหลังคา 
วิธีแก้ไข ใช้กาวพลังตะปูหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับซ่อมแซมรอยรั่วซึมของหลังคาได้ หากหลังคาแตกร้าวมาก ต้องรื้อและเปลี่ยนใหม่

กรณี รั่วซึมบริเวณรอยต่อของวงกบประตู-หน้าต่าง
วิธีแก้ไข อุดซ่อมด้วยซิลิโคน หรือซีลแลนท์บริเวณที่มีการรั่วซึม

กรณี รั่วซึมบริเวณผนัง  เนื่องจากมีรอยร้าวแบบแตกลายงาของผิวปูนฉาบ
วิธีแก้ไข สกิมผิวผนังและทาสีผนังด้วยสีอะคริลิกกันซึม

กรณี รั่วซึมบริเวณผนัง เนื่องจากผนังล่อน
วิธีแก้ไข สกัดปูนฉาบเดิมออกไปก่อน แล้วจึงทำการฉาบใหม่ จากนั้นให้ทากันซึมทับอีกชั้น

กรณี รั่วซึมบริเวณผนัง เนื่องจากความชื้นของผนังอีกฝั่ง
วิธีแก้ไข ให้ทากันซึมและทาสีทับหรือเลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติกันความชื้น

กรณี ผนังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ที่อาจเกิดจากที่โครงสร้างทรุดตัว เช่น รอยที่วิ่งตรงๆ ในแนวดิ่ง หรือรอยที่วิ่งเฉียงจากมุมผนัง
วิธีแก้ไข สามารถอุดรอยร้าวไว้ชั่วคราว จากนั้นควรปรึกษาวิศวกรให้เข้ามาตรวจสอบโครงสร้างที่ทรุดตัว เพื่อหาทางซ่อมแซมแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป  

หากคุณคิดจะสร้างบ้าน ควรเลือกบริษัทสร้างบ้านที่มีความน่าเชื่อถือ มากประสบการณ์ ก็จะหมดปัญหาเรื่องบ้านรั่วซึม รวมถึงปัญหาต่างๆ ของบ้านได้อย่างแน่นอน

เรามีทีมให้คำปรึกษามากประสบการณ์ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้นคิดจะสร้างบ้าน เลือก Grit Build (กริท บิลด์) รับรองคุณจะได้บ้านที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน     

Categories
ข่าวสาร

พื้นไม้จริง VS พื้นไม้เทียม เลือกที่ใช่ให้เหมาะกับการใช้งาน

เมื่อเราสร้างบ้านนอกจากโครงสร้างบ้านที่เราต้องใส่ใจแล้ว งานตกแต่งภายในก็ยังเป็นอีกส่วนให้บ้านของเราน่าอยู่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานผนัง งานพื้น ก็สามารถสร้างบรรยากาศให้กับการอยู่อาศัยได้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคืองานพื้นไม้ ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น น่าอยู่ และเป็นธรรมชาติได้อย่างดี ที่สำคัญยังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน 

โดยทั่วไปแล้วไม้ที่ใช้ปูพื้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือพื้นไม้เทียม กับพื้นไม้จริง แล้วไม้ประเภทไหนเหมาะกับบ้านเราวันนี้ Grit Build รับสร้างบ้าน จะพาทุกคนไปหาคำตอบว่าข้อดี และข้อเสียของไม้แต่ละประเภทมีอะไรกันบ้าง พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย

ประเภทไม้พื้น ที่ได้รับความนิยม

  • ไม้บีช : เป็นไม้เนื้อแข็งจากทวีปยุโรป ลักษณะของไม้มีลักษณะเนื้อขาวอมเหลือง โดยส่วนใหญ่จะนำไปผลิตเฟอร์นิเจอร์ และไม้พื้น เพราะมีลวดลายธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งทำให้ไม้ชนิดนี้มีราคาสูง
  • ไม้ตะเคียน : หนึ่งในไม้ยอดฮิต เพราะมีความแข็งแรงทนทาน ลักษณะของเนื้อไม้จะเป็นสีเหลืองทอง แต่เมื่อถูกแสงแดดส่องไปนานๆ เนื้อไม้จะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งนิยมมาทำประตูวงกบ และพื้นไม้
  • ไม้สัก เป็นไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน และที่สำคัญคือ ปลอดภัยจากปลวก (แต่ต้องเป็นไม้สักแท้และมีอายุนานเกิน 10 ปีนะครับ) เพราะไม้สักผลิตน้ำมันโดยธรรมชาติออกมา ซึ่งเป็นกลิ่นปลวกและแมลงต่างๆ ไม่ชอบ ลวดลายของไม้สักที่เหมาะกับการนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสีน้ำตาลที่เข้ม และสามารถตัดแต่งลวดลาย หรือแกะสลักได้ดีอีกด้วย
  • ไม้ตะแบก : ลักษณะไม้เป็นสีโทนอ่อน เนื้อไม้มีความละเอียดใสเป็นเงา ลวดลายคมชัด แต่ข้อเสียหากเนื้อไม้ถูกความร้อน หรือความชื้นมากเกินไป จะทำให้ตัวไม้บิด หรือโก่งตัวได้ง่ายกว่าไม้ชนิดอื่น ดังนั้นจึงนิยมนำมาตกแต่งภายใน 
  • ไม้แดง : หนึ่งในไม้ที่มีลวดลายสวยงาม และยังมีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดี ซึ่งหากนำมาปรับแก้ไขจะทำค่อนข้างยาก ซึ่งนำไปใช้กับงานโครงสร้างได้ดี นอกจากนี้ยังนิยมนำมาใช้กับงานปูพื้น เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน แถมยังป้องกันการกัดกินของปลวกได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันวัสดุประเภทไม้จริงตามธรรมชาติหายากขึ้น แถมยังมีราคาสูง และไม้บางชนิดก็ไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว เพราะเป็นไม้อนุรักษ์ ดังนั้นจึงมี ไม้เทียม เข้ามาทดแทน โดยสามารถใช้ตกแต่งบ้านได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้ไม้จริง 

ข้อดี-ข้อเสีย ไม้จริง VS ไม้เทียม

● พื้นไม้จริง

ข้อดี

แน่นอนเลยไม้จริงความสวยงามของลายไม้จะมีความธรรมชาติมากกว่า ในแต่ละแผ่นลวดลายมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน สร้างลูกเล่นให้กับบ้านได้ไม่น้อย และยังสามารถตัดแต่งได้ ขัดผิวได้ และสามารถทาสีย้อมใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป สีเนื้อไม้ซีดจางลงหรือเข้มขึ้นได้

ข้อเสีย

ปัญหาหลักของไม้พื้นจริงเลยคือเรื่องการดูแล รักษา จะค่อนข้างยุ่งยากกว่า ต้องมีการใช้วัสดุพิเศษอย่างน้ำยาบำรุงเนื้อไม้ เพื่อให้สภาพคงทน ทำให้มีค่าใช้จ่ายจุกจิกในระยะยาว นอกจากนั้นปัญหาเรื่องของแมลง ปลวกกินไม้ซึ่งต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ

● พื้นไม้เทียม

ข้อดี

แน่นอนจะได้ไม้ที่มาตรฐานเดียวกัน ขนาดและความหนาของพื้นไม้ที่เท่ากันทุกแผ่น ทำให้การติดตั้งง่าย แผ่นไม้บางประเภทถูกออกแบบมาให้เหมือนตัวต่อซึ่งสามารถคำนวณการใช้ และติดตั้งไม่ยุ่งยาก และคุณสมบัติสำคัญสามารถป้องกันปลวก และแมลงได้ แถมยังทนความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้จริง  หาได้ง่ายทั่วไปตามท้องตลาด ราคาก็ยังต่ำกว่าไม้จริง

ข้อเสีย

ไม้เทียมก็คือไม้เทียม เรื่องของลวดลายที่ทำคล้ายธรรมชาติ แต่ก็ไม่เหมือน 100% นอกจากนี้ผิวหน้าของไม้พื้นเทียมเกิดการชำรุด ความสวยอาจจะไม่เท่าพื้นไม้จริง

Categories
ข่าวสาร

ตรวจบ้านก่อนส่งมอบ เรื่องเล็กไม่ควรมองข้าม?

เมื่อบ้านสร้างเสร็จแล้วก่อนส่งมอบ สิ่งแรกที่ควรทำคือ การตรวจบ้านเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด! เพราะบ้านที่เราใช้พักผ่อนอยู่อาศัยหากเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาคงเป็นปัญหาให้เรากังวลใจได้ไม่น้อย

สำหรับมือใหม่ไม่ต้องกังวลใจไป ว่าจะเริ่มจากตรงไหน หรือมีจุดไหนบ้างที่ต้องตรวจสอบ วันนี้ Grit Build บริษัทรับสร้างบ้าน ได้รวบรวมข้อมูล 9 จุดสำคัญของการตรวจบ้านก่อนส่งมอบ มาให้เพื่อนๆ ได้เตรียมตัวกัน จะมีจุดไหนบ้างไปดูกันเลยครับ

● งานผนังบ้าน

งานผนังเปรียบเสมือนงานโชว์ ดังนั้นงานต้องเรียบสม่ำเสมอ ไม่มีส่วนที่นูน หรือยุบเป็นหลุม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ดิ่งได้ฉากหรือไม่ มีรอยแตกร้าวหรือไม่ ทาสีสม่ำเสมอกันหรือเปล่า หากพบว่าจุดไหนที่บกพร่องต้องรีบแก้ไขทันที

● งานพื้น

เมื่อเข้าสู่ตัวบ้านก้าวแรกที่สัมผัสคือพื้นบ้าน และเป็นส่วนที่เราสัมผัสมากที่สุดอีกด้วย ดังนั้นการตรวจสอบอาจดูด้วยตาเปล่าหรือลองเดิน โดยดูที่รอยต่อเรียบสนิท แน่นไม่แอ่นหรือป่องขึ้นมา หากพื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องให้ตรวจสอบว่าวัสดุมีบิ่นหรือแตกร้าวหรือไม่

● งานบันได

งานบันไดต้องตรวจสอบเวลาเดินขึ้นเดินลงต้องไม่ส่งเสียงดัง วัสดุเคลือบผิวไม้ต้องเรียบร้อย ติดตั้งราวกันตกอย่างเเข็งแรง

● งานประตู-หน้าต่าง

ในการตรวจสอบต้องดูว่าเปิด-ปิดสะดวกไม่มีช่องว่างระหว่างบานกรอบกับวงกบ ล็อกได้ และที่สำคัญการเปิด-ปิดต้องไม่มีเสียงดัง

● งานฝ้าเพดาน

เป็นงานที่ไกลจากการสัมผัสที่สุดเพราะอยู่จุดที่สูง แต่ก็ไม่ควรมองข้าม การตรวจเช็กต้องดูว่าฝ้าเรียบเสมอกัน ไม่ตกท้องช้างหรือเว้าขึ้นบน ควรมีช่องเซอร์วิสสำหรับเปิดขึ้นไปตรวจสอบใต้หลังคา สีต้องเรียบเนียนสม่ำเสมอ ไม่มีคราบสกปรก

● งานไฟฟ้า

การตรวจสอบงานไฟฟ้าต้องมีความรู้เฉพาะทางพอสมควร ในส่วนปลั๊กไฟใช้งานได้ทุกจุดหรือไม่ ทดสอบปลั้กไฟหากมีการลัดวงจรระบบเมนเบรคเกอร์มีการตัดวงจรหรือไม่ ควรตรวจเช็กการเปิดไฟทุกดวงทั้งภายนอก และภายใน ว่ายังใช้งานได้อยู่หรือเปล่า เช็กการติดตั้งตู้ไฟฟ้า และเบรกเกอร์ติดตั้งได้ตรงตามแบบหรือไม่ ในส่วนที่ควรมีเบรกเกอร์กันไฟดูด เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น มีการติดตั้งหรือไม่ รวมถึงการเดินสายไฟต้องเรียบร้อย ไม่มีบริเวณใดของสายที่เป็นรอยคล้ำหรือดำ

● งานสุขาภิบาล

เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำทั้งหมดในบ้าน โดยการตรวจสอบการรั่วซึมต้องไม่มีรอยรั่วของน้ำทุกจุดของท่อและข้อต่อ เมื่อปิดระบบน้ำทั้งหมดแล้วมิเตอร์ต้องไม่เดิน หากมีการติดตั้งปั้มน้ำถ้าไม่ได้มีการเปิดน้ำในบ้านปั้มต้องไม่ทำงาน การติดตั้งระบบสุขาภิบาล และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ตรงตามมาตรฐาน ทดสอบการระบายน้ำจากชักโครก และท่อน้ำทิ้งจากอ่างล้างหน้าและบริเวณอาบน้ำ สามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่

● ถังบำบัดน้ำเสีย

ในการตรวจสอบต้องเช็กว่ามีรอยรั่วหรือไม่ โดยดูจากระดับน้ำว่าปกติหรือลดลง หากน้ำในถังลดลง อาจมีรอยรั่วได้

● ท่อระบายน้ำทิ้ง

ในการตรวจสอบต้องดูว่าน้ำสามารถไหลสู่ระบบท่อสาธารณะได้สะดวกหรือไม่ ทดสอบโดยการใช้น้ำในบ้าน ตรวจสอบการไหลผ่านหากเกิดติดขัดต้องแก้ไขทันที

ที่กล่าวมาข้างต้นคือ 9 จุดสำคัญที่ต้องตรวจสอบก่อนส่งมอบบ้านถึงมือลูกค้าอย่างมั่นใจ ซึ่งจะเป็นขั้นตอนที่บริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ต้องทำก่อนส่งมอบบ้านอยู่แล้ว แต่ผู้สร้างบ้านมีความเข้าใจคอนเซปต์คร่าวๆ ไว้บ้างก็คงจะดีเช่นเดียวกัน

Grit Build บริษัทรับสร้างบ้าน เราใส่ใจในทุกขั้นตอนการสร้างบ้าน แต่วางรากฐาน จนถึงขั้นตอนการส่งมอบบ้าน เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ได้บ้านที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ 

  1. โดยเรามีการการันตีการรับประกัน ให้คุณได้อยู่บ้านอย่างสบายใจดังนี้ รับประกันการทรุดตัวของโครงสร้างหลักของอาคาร ระยะเวลา 20 ปี
  2. รับประกันงานระบบไฟฟ้า – ประปา ระยะเวลา 2 ปี
  3. รับประกัน วัสดุ อุปกรณ์ งานประตู-หน้าต่าง งานพื้น หลอดไฟ(กรณีใช้งานปกติ)
    ระยะเวลา 1 ปี
  4. รับประกันงานมุงหลังคา กระเบื้อง ระยะเวลา 5 ปี , Metal Sheet ระยะเวลา 3 ปี
  5. รับประกันงานระบบกำจัดปลวก ระยะเวลา 3 ปี

คิดจะสร้างบ้าน นึกถึง Grit Build

Categories
ข่าวสาร

ขั้นตอนการสร้างบ้านที่ควรรู้ กับ Grit Build รับสร้างบ้าน

บ้าน เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างความรัก และความผูกพันของคนในครอบครัว ดังนั้นใครที่กำลังคิดจะสร้างบ้านต้องใส่ใจในรายละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ เพื่อให้บ้านออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด  แม้จะจ้างบริษัทรับสร้างบ้านก็ต้องใส่ใจไม่แพ้กัน สร้างบ้านกับ Grit Build มีขั้นตอนอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. เตรียมความพร้อมก่อนสร้างบ้าน

1. เตรียมความพร้อมก่อนสร้างบ้าน

  • ที่ดิน แน่นอนก่อนเริ่มสร้างบ้าน ต้องเตรียมที่ดินให้พร้อม ทำการรื้อถอนพื้นที่ให้เรียบร้อย/ถมดิน ก่อนบริษัทรับสร้างบ้าน จะเข้าดำเนินก่อสร้าง ที่สำคัญ รถส่งวัสดุสามารถเข้าถึงได้
  • ไฟฟ้า-น้ำประปาต้องเข้าถึง เตรียมเอกสาร และใบมอบอำนาจให้พร้อม โดยทางบริษัทจะไปดำเนินขอไฟฟ้า-ประปาชั่วคราว
  • สถานที่เก็บวัสดุก่อสร้าง และที่พักคนงานขนาดไม่ต้องใหญ่มาก อย่างน้อยประมาณ 40 ตรม. เพื่อไม่ต้องเสียเวลาขนย้ายวัสดุ

2. เลือกแบบบ้าน

2. เลือกแบบบ้าน

การเลือกแบบบ้าน ควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดที่ดิน และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในครอบครัว อาทิเช่น จำนวนสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น โดย Grit Build เองมีแบบบ้านให้เลือกกว่า 50 แบบ โดยในแต่ละแบบสามารถปรับแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวได้ หรือจะออกแบบบ้านใหม่ ในแบบที่คุณชอบก็ได้

หลังจากเลือกแบบบ้าน ปรับแบบให้ตรงกับความต้องการและ ปรับเปลี่ยนวัสดุเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัท จะทำการประเมินราคา และทำสัญญา 

3. ดำเนินงานโครงสร้าง

ทางบริษัทรับสร้างบ้าน จะเข้าไปยังพื้นที่ เพื่อวางผัง เจาะเสาเข็ม เมื่องานฐานรากเสร็จ ขั้นตอนต่อไปจะดำเนินในส่วนของโครงสร้างบ้าน

  • หล่อคอนกรีต เสา คาน ชั้นล่าง 
  • ติดตั้งท่อน้ำยากำจัดปลวก จากนั้นจึงเริ่ม วางแผ่นพื้น และเทพื้นชั้นล่าง
  • ทำเสาคานพื้นชั้นบน 
  • ติดตั้ง  โครงหลังคา  รวมถึงทำ โครงสร้างบันได

4. งานด้านสถาปัตยกรรม

  • ทำคานหลังคา โครงหลังคา มุงหลังคา และบันได 
  • ทำงานก่ออิฐผนัง ,ติดตั้งวงกบประตู-หน้าต่าง(ยกเว้นวงกบอลูมิเนียม) 
  • ฉาบปูนภายใน ,เดินท่อประปาภายในบ้าน ,เดินท่อไฟฟ้า และมุงหลังคาทั้งหมด
  • ฉาบปูนภายนอก ,ติดตั้งฝ้าภายใน ,ฝ้าภายนอก และงานเดินสายไฟ
  • ทำงานติดตั้งบันได ,งานติดตั้งหน้าต่าง-กระจก ,ปูกระเบื้อง ,ปูวัสดุผิวพื้น(ยกเว้น พื้น SPC พื้นไม้สำเร็จ ไม้บันได)
  • ทำงานทาสี ,ติดตั้งบานประตู ,ติดตั้งวงโคม ,ตู้เมนไฟฟ้า ,ติดตั้งสุขภัณฑ์ ,ถังบำบัดน้ำเสีย ,ประตูรั้วหน้าบ้าน ,งานรั้ว และเก็บงานทั้งหมดก่อนส่งมอบ

5. รับมอบงาน

ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยลูกค้าต้องตรวจสอบบ้านพร้อมกับตัวแทนบริษัทรับสร้างบ้าน หากมีอะไรที่ต้องแก้ไข ทางบริษัทรับสร้างบ้าน จะดำเนินการแก้ไขทันที หากทุกอย่างเรียบร้อยเสร็จสมบูรณ์ ลูกค้าจะต้องเซ็นรับกุญแจบ้าน รวมถึงเอกสารประกันบ้าน ถือเป็นอันเสร็จเรียบร้อย และย้ายของเข้ามาอยู่ได้เลย

ต้องการดาวน์โหลด รายการวัสดุก่อสร้าง  คลิก

Categories
ข่าวสาร

 สร้างบ้าน VS ซื้อบ้าน ควรเลือกแบบไหนดี

คำถามโลกแตกของคนสร้างบ้าน เหมือนด่านแรก โดยมีสองทางให้เลือก นั้นก็คือสร้างบ้านควรสร้างเอง หรือซื้อบ้านจัดสรร ซึ่งทั้งสองก็จะมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ดังนั้นมาพิจารณากันเลยว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกแบบไหน ไปดูกันพร้อมๆ กันเลย

เหตุผลที่ควรสร้างบ้านเอง

  • ใครที่มีที่ดินอยู่แล้ว สามารถสร้างในที่ดินของตนเองได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • หากยังไม่มีที่ดิน ก็สามารถเลือกทำเลที่ชอบ จะซื้อที่ดินเปล่าหรือซื้อบ้านเก่าแล้วมารื้อถอนเพื่อปลูกสร้างก็ย่อมได้ ส่วนมากจะอยู่ในแหล่งชุมชน ไม่ต้องออกไปไกลเหมือนบ้านจัดสรร
  • เลือกแบบบ้านในแบบที่ชอบ สไตล์ที่ใช่ได้เลย
  • สามารถเลือกวัสดุและยี่ห้อ ได้ตามใจ ปรับเปลี่ยนเองได้ทั้งหมด
  • จัดสรรวางผังบ้านได้ตามต้องการ อยากได้กี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ หรืออยากจะได้ห้องทำงานเล็กๆสำหรับเริ่มต้นธุรกิจ หรือห้องสำหรับเล่นเกมก็ยังได้
  • ในอนาคตหากต้องการต่อเติมก็สามารถทำได้เลย ไม่ยุ่งยาก
  • รู้ความก้าวหน้าทุกขั้นตอนการก่อสร้าง 
  • มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ไม่วุ่นวาย
  • ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ซึ่งหากมองในระยะยาวถือว่าคุ้มมากๆ

ข้อควรพิจารณาหากสร้างบ้านเอง

  • ในบางเคส ถ้าเลือกบริษัทสร้างบ้านไม่ดี งบประมาณอาจบานปลายได้
  • สภาพแวดล้อมไม่สามารถเลือกได้ เป็นไปตามที่ดินที่เราอยู่
  • ระยะเวลาก่อนได้เข้าอยู่อาศัยอาจต้องเผื่อเวลามากกว่าการซื้อบ้านจัดสรร เนื่องจากการออกแบบและก่อสร้าง
  • ความปลอดภัยอาจไม่ได้มีเท่า หมู่บ้านจัดสรร ที่มี รปภ. คอยดูแล และอำนวยความสะดวก

เหตุผลที่ควรซื้อบ้านจัดสรร

  • หากต้องการความรวดเร็ว สามารถเข้าอยู่ได้เลย บ้านจัดสรรถือว่าตอบโจทย์สุดๆ 
  • ทำเลที่หมู่บ้านจัดสรรเลือกส่วนใหญ่มักจะเป็นแหล่งชุมชนในอนาคต
  • สามารถเข้าไปดูบ้านก่อนการตัดสินใจซื้อได้ 
  • มีพื้นที่ส่วนกลางไว้ทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกบ้านท่านอื่น
  • ทราบราคาบ้านที่แน่นอน

ข้อควรพิจารณาหากซื้อบ้านจัดสรร

  • ปรับเปลี่ยนแบบไม่ได้ อาจจะได้แบบที่ไม่ชอบ ขนาดห้องต่างๆที่ถูกจัดไว้ให้อาจไม่ตรงกับความต้องการ
  • ไม่ทราบขั้นตอนการก่อสร้าง รวมถึงวัสดุก่อสร้าง ซึ่งหากเราเข้าอยู่อาศัยในระยะยาว อาจมีปัญหาได้
  • หากต้องการบ้านพักอาศัยกลางเมือง ราคาบ้านค่อนข้างสูง บางแห่งสูงเกือบ 10 ล้าน 
  •  

มาถึงตรงนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน ไม่ว่าจะสร้างบ้านเอง หรือซื้อบ้านสำเร็จรูป สิ่งที่ต้องคำนึงถึง “คุณภาพ” ของบ้าน เพราะบ้านเป็นที่เราพักอาศัย พักผ่อนจากการทำงาน หากบ้านเกิดปัญหากวนใจก็อาจทำให้ระแวง และทำให้เราไม่มีความสุข ลองเลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างบ้าน Grit Build ที่ทำให้บ้านของคุณออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

Categories
ข่าวสาร

5 แบบบ้านสวย ในแบบที่โดนใจ สไตล์ในฝัน

อยากจะมีบ้านในฝันสักหลัง คงต้องมีแบบบ้านสวยๆ แต่ไม่รู้จะเลือกแบบบ้านแบบไหนดี วันนี้ Grit Build บริษัทรับสร้างบ้าน ได้รวบรวม 5 แบบบ้านสวยๆ น่าอยู่ และยอดนิยมสุดๆ ในแบบที่เห็นแล้วโดนใจ สไตล์ในฝันเลย จะมีแบบไหนบ้างเราไปดูกันเลย

แบบบ้าน Prestige Ville

บ้านสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่ ดีไซน์สง่า หรูหรา ครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งาน กับพื้นที่ใช้สอยสุดคุ้มค่า 784 ตรม.  โดยบ้านถูกออกแบบและจัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นสัดส่วน เพื่อให้อำนวยกับการทำงานโดยเฉพาะ สามารถใช้เป็นทั้งที่พักและที่ทำงานในเวลาเดียวกัน การทำงานในบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน นอกจากจะให้ความรู้สึกอิสระทั้งในเรื่องเวลาและไลฟ์สไตล์แล้ว ยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย หรือทั้งนี้หากต้องการให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นที่พักอาศัยอย่างเดียวก็ย่อมได้ ส่วนรูปลักษณ์อาคาร ถูกออกแบบให้แสงธรรมชาติส่องถึง ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย ส่วนไฮไลท์ของการออกแบบอยู่ที่ระเบียงชั้น2 และ ชั้น 4 เป็นส่วนพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว สามารถปลูกต้นไม้ เพิ่มความสดชื่น ให้กับบ้านได้อีกด้วย

แบบบ้าน Villa Sunset

บ้านที่ถูกออกแบบ ในสไตล์วิลล่าโมเดิร์น ดีไซน์เรียบหรู สบายตา ตอบโจทย์การพักผ่อนได้อย่างดี พื้นที่ใช้สอย 303 ตรม. มาพร้อม 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ เน้นการออกแบบรูปทรงเลขาคณิตเรียบง่าย สอดแทรกระแนงไม้เพื่อเพิ่มมิติให้กับบ้าน และออกแบบให้ตัวบ้านมีความเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ ให้ความรู้สึกพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทสุดหรูอย่างแท้จริง

แบบบ้าน The Hub Place

โฮมออฟฟิศโมเดิร์นลักชัวรี่ ครบครันทุกฟังก์ชันการใช้งาน สร้างความสมดุลในการทำงาน และพักอาศัย บนพื้นที่ใช้สอย 295 ตรม. ภายในได้แบ่งพื้นที่ส่วนตัวสำหรับสมาชิกครอบครัวได้อย่างชัดเจนแต่ยังสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ มาพร้อม 3 ห้องทำงาน 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ส่วนงานด้านสถาปัตยกรรมใช้โทนสีเทา  ให้อารมณ์สงบ และมั่นคง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

แบบบ้าน Centris Home

บ้านสไตล์ โมเดิร์นลักชัวรี่ สวยเนียบ หรูทุกองศา สะกดทุกมุมมอง ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น บนพื้นที่ใช้สอย 405 ตรม. ครบทุกฟังก์ชันการอยู่อาศัยมี 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร และพื้นที่ซักล้าง

แบบบ้าน Athena Home

บ้านสไตล์โมเดิร์น 2 ชั้น ดีไซน์กะทัดรัด ฟังก์ชันครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ในพื้นที่ใช้สอย 390 ตรม. มาพร้อม 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ มีความโดดเด่นด้วยระเบียงชั้น 2 ที่สามารถทำกิจกรรม หรือพักผ่อนกับคนในครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น

Categories
ข่าวสาร

ก่อนจะสร้างบ้าน รู้หรือไม่ “อิฐ” แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร

ก่อนจะสร้างบ้าน มีหลายสิ่ง ที่ต้องคำนึงถึง หนึ่งในนั้นก็คือ “อิฐ” ที่ใช้ก่อสร้าง เพราะอิฐ มีหลากหลายขนาด หลากหลายประเภท มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เป็นปัจจัยสำคัญ ในการควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน ความทนทาน การรับน้ำหนัก การเก็บความชื้น และที่สำคัญ ส่งผลกับระยะเวลาในการก่อสร้าง ดังนั้นก่อนสร้างบ้านเรามาทำความรู้จัก อิฐ แต่ละประเภทกัน ว่าเหมาะกับการใช้งานประเภทไหนบ้าง   

มารู้จัก…อิฐมวลเบา

อิฐมวลเบาสุดฮิต ที่ปัจจุบันนิยมใช้ก่อผนังกัน อิฐชนิดนี้ มีส่วนผสมหลักปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ อะลูมิเนียม ยิปซัม ปูนขาว ทรายละเอียด และน้ำ ผ่านกระบวนการหลอมกลายเป็นก้อนอิฐมาตรฐาน ชื่อก็บอกว่ามวลเบา เรื่องน้ำหนักไว้ใจได้ เบาสุดๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำผนังบ้านที่ต้องการลดน้ำหนักของโครงสร้างได้เป็นอย่างดี

ข้อดีของอิฐมวลเบา

  • มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับอิฐชนิดอื่น ซึ่งสามารถลดภาระการรับน้ำหนักของโครงสร้างได้เป็นอย่างดี
  • สามารถใช้ก่อทั้งแนวดิ่ง และก่อฉากได้ง่าย
  • มีลักษณะพรุนเป็นฟองอากาศ จึงเป็นฉนวนกันความร้อนได้เป็นอย่างดี และทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง 
  • อิฐมีขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยลดเวลา และค่าแรงในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี   
  • เนื่องจากคุณสมบัติไม่สะสมความร้อน และ คลายความร้อนได้ดี จึงทำให้บ้านเย็น

ข้อจำกัดของอิฐมวลเบา

  • ราคาอิฐมวลเบา จะสูงกว่าอิฐชนิดอื่นๆ
  • หากจะเจาะแขวนต้องใช้พุกที่ออกแบบมาเพื่ออิฐมวลเบาโดยเฉพาะ
  • ในการก่อฉาบจะแตกต่างจากอิฐชนิดอื่น และต้องใช้ปูนก่อ หรืออุปกรณ์ที่ใช้กับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะ

    กริท บิลด์ เราเลือกใช้อิฐมวลเบากับผนังทุกห้องที่ไม่ใช่ห้องน้ำ เนื่องจากคุณสมบัติและข้อดีต่างๆ ทำให้ได้คุณลูกค้าได้บ้านที่อยู่แล้วเย็นสบาย 

มารู้จัก…อิฐมอญ

อิฐมอญ หรือจะเรียกอิฐแดง อิฐดินเผา หนึ่งในอิฐก่อสร้างยอดนิยม มองไปทางไหนก็เห็นอิฐส้มๆ แดงๆ ก่อเรียงกันเป็นแถว มีส่วนประกอบหลักคือดินเหนียว ทรายหรือขี้แกลบ และน้ำ ผสมใส่แบบพิมพ์อัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมในอัตราส่วนที่เหมาะสม ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วนำไปเผาเพื่อให้มีความแข็งแรง และคงรูปอิฐไว้ มีทั้งแบบมีรูและแบบตัน มีทั้งแบบปั้นมือและปั้มเครื่อง เป็นอิฐยอดนิยมที่ใช้ในการก่อสร้างในประเทศไทย เนื่องจากคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพอากาศบ้านเราเป็นอย่างดี

ข้อดีของอิฐมอญ

  • ทนแดด ทนไฟ ตอบโจทย์สภาพอากาศบ้านเรา 
  • สามารถยึดเกาะได้ดี มีความหนาแน่นสูง
  • หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง 
  • สามารถทนความร้อนสูงได้นาน 2 ชั่วโมง 
  • สามารถรองรับการแขวนวัตถุที่มีน้ำหนัก และพุกสามารถหาซื้อได้ทั่วไป
  • อิฐมอญมีเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยตัวอิฐที่มีสีสัม ให้กลิ่นอายคลาสสิค จึงทำให้ใครหลายคน ใช้อิฐตกแต่งโชว์แนว Loft Style (แนะนำให้ใช้อิฐมอญที่ใช้สำหรับก่อประดับโดยเฉพาะ ผิวหน้าอิฐจะสวยกว่าอิฐมอญสำหรับงานก่อผนังทั่วไป)

ข้อจำกัดของอิฐมอญ

  • ดูดความชื้น
  • สะสมความร้อน ระบายความร้อนได้ช้า ส่งผลให้บ้านร้อน
  • หากใช้อิฐมอญปั้นมือคุณภาพอาจไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากการผลิตไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ เพราะส่วนใหญ่ผลิตจากชุมชน โดยแนะนำให้ใช้อิฐมอญเครื่อง จะได้มาตรฐานที่ดีกว่า
  • อิฐมีขนาดเล็กทำให้ใช้เวลาสร้างค่อนข้างนาน ดังนั้นค่าแรงก่อสร้างจึงแพง
  • น้ำหนักเยอะ ทำให้ต้องออกแบบโครงสร้างบ้านเพื่อรองรับน้ำหนักมากกว่าอิฐชนิดอื่น

    ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยการก่ออิฐมอญ 2 ชั้น เพื่อช่วยลดการถ่ายเทความร้อนและป้องกันเสียงเข้าในตัวบ้าน โดยปกติ ทาง กริท บิลด์ จะเลือกใช้อิฐมอญตันเครื่อง ที่มีมาตรฐาน สำหรับห้องน้ำ 

มารู้จัก…อิฐบล็อก

อิฐสีเทาๆ หนึ่งในรูปแบบที่นิยมใช้กันเนื่องจากมีราคาค่อนข้างถูก โดยอิฐชนิดนี้ทำมาจากปูนซีเมนต์ และทรายอิฐ มีลักษณะเป็นรูกลวงตรงกลาง ทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ขนาดก้อนอิฐที่ใหญ่ ซึ่งช่วยลดเวลาในการก่อสร้าง แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

ข้อดีของอิฐบล็อก

  • ราคาถูก เหมาะกับงานที่ต้องการประหยัดงบประมาณ
  • ขนาดก้อนใหญ่ สะดวกในการก่อสร้าง ทำให้งานจบไว
  • น้ำหนักเบา

ข้อจำกัดของอิฐบล็อก

  • มีโอกาสเกิดปัญหาการรั่วซึมได้สูง หากฉาบปูนไม่ได้มาตรฐาน
  • เป็นอิฐที่รับน้ำหนักแขวนมากๆ ไม่ได้ ต้องใช้พุกเฉพาะ
  • มีปัญหาเรื่องการเก็บเสียง
  • เปราะง่าย ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานเดินท่อไฟ หรือท่อประปาภายในผนัง
  • แตกร้าวได้ง่าย หากมีการเจาะผนัง

    เหมาะกับการใช้ในงานลักษณะอุตสาหกรรม เช่น โกดัง โรงงาน รั้ว เป็นต้น เนื่องจากรูพรุนสูง จึงไม่เหมาะสำหรับงานก่อห้องน้ำ มีโอกาสรั่วซึมสูง

รู้อย่างนี้แล้ว เลือกอิฐ ให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้ได้บ้านที่อยู่สบาย   หากจะสร้างบ้านที่มีคุณภาพ ก็ต้องเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ครบ จบ ในที่เดียว อย่าง บริษัทรับสร้างบ้าน Grit Build (กริท บิลด์) ที่มีทีมให้คำปรึกษามากประสบการณ์ วิศวกรควบคุมการก่อสร้างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ คอยดูแลการสร้างบ้านของคุณให้มีคุณภาพ

บริการออกแบบ ก่อสร้าง โดยมืออาชีพ

Urbana II
บ้านทรงโมเดิร์น สุดเรียบง่าย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ

©2021 Grit build Company Limited. Designed by Geminine Studio co.,ltd.